“ซีพี ออลล์” ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.สยามแม็คโคร ประกาศความพร้อมในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 3 รุ่น อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง 3.00-4.10% ต่อปี โดยคาดว่าจะเสนอขายวันที่ 11 และ 14-15 มิถุนายนนี้

     เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บมจ.ซีพี ออลล์ เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” เตรียมพร้อมที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (PO) จำนวน 3 รุ่น คือรุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.40-3.60% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90-4.10% ต่อปี โดยบริษัทฯ จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนและแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้วันที่ 11 และ 14-15 มิถุนายนนี้

     “การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีของผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและเป็นกิจการที่มีความมั่นคงภายใต้อุตสาหกรรมค้าปลีกที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งหุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สะท้อนถึงการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และบริษัทฯ ยังพร้อมที่จะมุ่งสู่การให้บริการผ่านออนไลน์แบบ O2O ทั้งการให้บริการผ่านออลล์ ออนไลน์ รวมถึงบริการเดลิเวอรี่ของ “เซเว่น อีเลฟเว่น” เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ 10 แห่งเข้ามาเป็นพันธมิตรในการเสนอขาย ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของพันธมิตรทั้ง 10 สถาบันการเงินจะสามารถกระจายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนได้อย่างทั่วถึง”

     ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อที่มีเครือข่ายกระจายครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัด ซึ่งมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและบริการที่สะดวกสบาย หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าและบริการ ภายใต้แบรนด์ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯ มีสาขา ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ เปิดให้บริการ 12,432 สาขาทั่วประเทศ

     "จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวนในครั้งนี้ บริษัทฯ ต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถรับมือและเติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้วิกฤต อีกทั้งบริษัทได้ให้ความสำคัญกับมาตรการของรัฐบาลโดยให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย พร้อมมุ่งหน้าดำเนินธุรกิจ ภายใต้ปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้กับทุกคน” และกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) เพื่อสังคม ชุมชน และประเทศชาติ อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ในส่วนคู่ค้าที่เป็นเกษตรกรและชุมชม บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง และส่งเสริมการขายสินค้าของเกษตรกรเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถข้ามผ่านความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกัน สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาและประเทศลาว โดยบริษัทฯ หวังว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง บริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการเปิดสาขาแรกได้ตามแผนที่วางไว้"

     ในขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังเชื่อมั่นได้ในความมั่นคงของกิจการ เพราะนอกจาก “ซีพี ออลล์” จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวม (Market Cap) ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเสมอมา ส่งผลให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนบรรลุความตั้งใจในการเป็นองค์กรที่ดีของสังคม และสร้างความภาคภูมิใจจากการได้รับการยอมรับจากหน่วยงานระดับสากลอย่างหลากหลาย เช่น เป็นธุรกิจค้าปลีกระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำด้านองค์กรความยั่งยืน อันดับ 1 ของกลุ่ม World Index ประเภท Food & Staples Retailing Industry ในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกในดัชนีหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และในปี 2563 นี้บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนี FTSE4 Good Index ในกลุ่ม Food & Drug Retailers เป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของ “ซีพี ออลล์” โดยบริษัท ตั้งเป้าว่าจะเป็นผู้นำในการจัดการปัญหาพลาสติกของประเทศไทย หรือ Plastic Champion ให้ได้ในปี 2573

     สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ของ บมจ.ซีพี ออลล์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 10 แห่ง ดังนี้ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารยูโอบี, บล. เกียรตินาคินภัทร รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)