"SME D Bank" สนับสนุนเงินร่วมลงทุนใน "บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด" ธุรกิจให้บริการห้องเก็บของส่วนตัว ผ่าน “กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs” หนุนเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพสามารถขยายกิจการได้ต่อเนื่อง และเติบโตสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

      นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ได้สนับสนุนเงินร่วมลงทุนในบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ธุรกิจบริการให้เช่าห้องเก็บของส่วนตัว แบรนด์ i-Store Self Storage ผ่านกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs (กองทุนย่อยกองที่ 2) จัดตั้งโดย SME D Bank และบริษัท พีพีเอ็ม แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

     สำหรับการร่วมลงทุนบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ธนาคารฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงทีมผู้บริหารมีแผนธุรกิจชัดเจน เน้นทำการตลาดกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยในเขตเมืองชั้นในของกรุงเทพฯ รูปแบบคอนโดมิเนียม ซึ่งมีจำนวนมาก แต่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่จัดเก็บสิ่งของส่วนตัวเพิ่มขึ้น หรือกลุ่มผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการมีพื้นที่เก็บสต๊อกสินค้า รองรับผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

     ปัจจุบัน i-Store Self Storage มี 2 สาขาคือ สาขาสีลม และสาขาสุขุมวิท 24 ซึ่งลูกค้าเดินทางมาใช้บริการสะดวกสบาย โดยมีขนาดห้องให้บริการเช่าเก็บของ ตั้งแต่ 0.5-18 ตารางเมตร พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสาขา และเพิ่มธุรกิจบริการเกี่ยวเนื่องให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

     "SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ นอกจากบริการด้านสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ครอบคลุมทุกธุรกิจแล้ว ธนาคารฯ ยังมีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์ โดยการร่วมลงทุน เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีเติบโตจนสามารถเข้าระดมทุนและจดทะเบียน ผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ในอนาคต"

     ทั้งนี้ ที่ผ่านมา SME D Bank ได้ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ ในรูปแบบเงินร่วมลงทุน ผ่านกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs ทั้งกองทุนย่อยกองที่ 1 และกองทุนย่อยกองที่ 2 และธนาคารลงทุนตรง จำนวน 10 กิจการ จำนวนเงิน 227.5 ล้าน มีส่วนช่วยสนับสนุนเศษฐกิจของประเทศ ผ่านการจ้างงานกว่า 1,618 ราย และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีไทยกว่า 2,451 ล้านบาท