“เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป” (ZEN) วางแผนธุรกิจปี 64 มุ่งสร้างความแข็งแกร่งร้านอาหารทุกมิติ ทั้งบริการนั่งรับประทานอาหารในร้าน เดลิเวอรี่ และซื้อกลับไปรับประทาน เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16 ล้านบาท รับผู้บริโภครับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น สร้างความแข็งแกร่งในทุกมิติทั้งการนั่งทานในร้าน เดลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้าน ธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจค้าปลีก และการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

     บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปี 2564 คาดว่ามีมูลค่ากลับมาเติบโต 20% หรือมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 4.1 แสนล้านบาท ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยในช่วงในไตรมาส 1/2564 คาดว่าจะภาพรวมธุรกิจร้านอาหารจะสามารถฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่เริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้ประชาชนคลายความกังวลต่อการใช้ชีวิตนอกบ้าน ประกอบกับผู้ประกอบการกลับมาเปิดดำเนินธุรกิจได้ตามปกติและประเทศไทยเตรียมนำเข้าวัคซีนล็อตแรก จึงคาดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะฟื้นตัวดีขึ้นและมีเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น   

     “แผนธุรกิจปี 2564 บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตร้านอาหารเซ็น กรุ๊ปในทุกมิติ ทั้งการนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน บริการเดลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้าน ธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจค้าปลีก การสั่งซื้ออาหารผ่านช่องทางออนไลน์ และผสานกับกลยุทธ์แบบ On ground (โทร.สั่งเดลิเวอรี่อาหารกับพนักงาน) ในสาขาที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อจัดส่งให้กับลูกค้า ช่วยสร้างความแข็งแกร่งในทุกช่องทาง จึงวางเป้าหมายรายได้รวมของบริษัทฯ ในปี 2564 จะเติบโต 20%”

     ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 สามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า หลังจากการดำเนินธุรกิจร้านอาหารผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา 16 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.8 ล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันบริษัทฯ สามารถปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยวางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าเดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชันสั่งอาหารต่างๆ โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.2% เป็น 2.4% จากการดำเนินมาตรการการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ   

     อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 4/2563 กลุ่มบริษัทมีรายการพิเศษ การตั้งสำรองการด้อยค่าทรัพย์ทรัพย์สินของสาขาและแบรนด์ที่ไม่ทำกำไรเป็นจำนวน 14.3 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมรายการดังกล่าว ในไตรมาสที่ 4/2563 กลุ่มบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 30.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 4.5% และสำหรับปี 2563 กลุ่มบริษัทจะขาดทุนสุทธิ 49.4 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่ -2.1%  

     ขณะที่รายได้รวมของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 638.6 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 817.7 ล้านบาท อย่างไรก็ตามรายได้รวมดังกล่าวเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี สะท้อนจากลูกค้าที่ใช้บริการนั่งทานอาหารภายในที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น